Casino Love
Yugyeom/Mark
“พนันกันไหมว่าเค้าไม่ยอมขึ้นเตียงกับมึงแน่
ๆ”
“แล้วถ้าเค้ายอมล่ะ กูจะได้อะไร”
“กูยกหุ้นในคาสิโนนี้ให้มึงเลย 10%”
“มึงพูดแล้วนะแจ็คสัน”
“คนอย่างกูพูดแล้วไม่คืนคำเว้ยยูคยอม”
“งั้นมึงเตรียมเซ็นยกหุ้นให้กูได้เลย
กูขอเวลาหนึ่งอาทิตย์ กูจะชนะมึงให้ดู”
บทสนทนาระหว่างสองเพื่อนสนิทที่รักการพนันเป็นชีวิตจิตใจจนคนหนึ่งสามารถเปิดคาสิโนได้แล้วส่วนอีกคนยังคงเป็นลูกคนมีเงินใช้ชีวิตทิ้ง
ๆ ขว้าง ๆ ไปวัน ๆ อยู่เลย..
ย้อนไปก่อนที่ทั้งสองคนจะพนันกัน
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนนั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่คนไม่เยอะแต่ก็ไม่น้อยจนเจ้าของร้านกลัวว่าถึงคราวเจ๊ง
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้า สายตาของคิมยูคยอมดันเหลือบไปเห็นเจ้าของร่างบาง
ๆ ที่ถ้าโดนลมแล้วตัวอาจจะปลิวเอาได้
เขาคนนั้นเดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าหงุดหงิดแน่
เพราะหน้าตาเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมานั่นแหละคือสิ่งที่อธิบายอารมณ์ของเจ้าตัวได้ดีที่สุด
ยูคยอมมองจนแจ็คสันต้องมองตามแล้วก็ใช้เท้าสะกิดเรียกสติเพื่อนรัก
“สนใจเหรอวะ”
“อืม อยู่ ๆ ก็คิดส่าถูกชะตาแปลก ๆ เหมือนใช่เลยยังไงไม่รู้”
“ถึงขั้นใช่เลยเหรอวะ”
“อืม”
“โห...”
“กูอยากได้เค้า”
“เดี๋ยวครับมึง ใจเย็น ๆ นะ”
“เดี๋ยวกูมา” ยังไม่ทันที่แจ็คสันจะได้ห้าม
ยูคยอมก็ลุกพรวดแล้วตรงดิ่งไปหาคนที่เข้ามาใหม่ทันที “สวัสดีครับ”
เขาแนะนำตัวเองด้วยท่าทางมั่นใจ แต่อีกฝ่ายกลับมองนิ่ง ๆ
แล้วเดินผ่านไปเหมือนเขาไร้ตัวตน “เดี๋ยวครับคุณ”
“มีอะไร!?”
เขาชักสีหน้าไม่พอใจ “มีไรก็ว่ามา”
“คุณชื่ออะไรครับ”
“มาร์ค”
“ผมชื่อยูคยอมนะครับ”
“แล้วไง” ยูคยอมล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดถ่ายรูปคนตรงหน้า “เห้ย!! ถ่ายผมทำไม
ลบเดี๋ยวนี้นะคุณ”
ยูคยอมเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า
“อยากให้ผมลบเย็นนี้มากินข้าวด้วยกันสิครับกันสิครับ”
“ฝันเถอะ”
เขาค่อนข้างหัวเสียมากแต่ก็เดินเข้าไปหลังร้านทันทีโดยที่ผู้เป้นลูกค้าอย่างยูคยอมไม่มีสิทธิเข้าไปข้างใน
เลยได้แต่เดินกลับมานั่งที่เดิม
“ไงมึง ฮ่า ๆ เพิ่งเคยเห็นมึงโดนปฏิเสธครั้งแรก
หนุ่มหล่อบ้านรวยดีกรีนักเรียนนอกโดนปฏิเสธคำชวนกินข้าวเย็น
อยากส่งพาดหัวข่าวนี้ไปให้นิตยาสารไฮโซจริง ๆ”
“เงียบไปเลย”
ยูคยอมขมวดคิ้วเข้าหากัน “ยากจังวะ”
“ชีวิตมึงเจอแต่ของง่าย ๆ มาตลอด เจอแบบนี้ไปไม่เป็นเลยล่ะสิ”
“แต่อยากได้จริง ๆ นะเว้ย ยาก ๆ แบบนี้แม่งโคตรท้าทาย ได้ปุ๊ปจะสั่งสอนซะให้เข็ด”
“มึงจะจีบเค้าว่างั้น?”
“เอ่อสิ ทำไมวะ”
“พนันกันไหมว่าเค้าไม่ยอมขึ้นเตียงกับมึงแน่ ๆ”
“แล้วถ้าเค้ายอมล่ะ กูจะได้อะไร”
“กูยกหุ้นในคาสิโนนี้ให้มึงเลย 10%”
“มึงพูดแล้วนะแจ็คสัน”
“คนอย่างกูพูดแล้วไม่คืนคำเว้ยยูคยอม”
“งั้นมึงเตรียมเซ็นยกหุ้นให้กูได้เลย กูขอเวลาหนึ่งอาทิตย์
กูจะชนะมึงให้ดู”
วันแรกของการพนัน
ไม่ใช่เรื่องยากที่คนอย่างยูคยอมจะต้องการข้อมูลของใครสักคนบนโลกใบนี้
เพราะอิทธิพลอันกว้างขวางของผู้เป็นพ่อทำให้เขาสามารถอาศัยบารมีในการสืบหาข้อมูลของคนทุกคนได้
ยูคยอมให้ลูกน้องพ่อไปสืบหาข้อมูลว่ามาร์คที่เขาเจอเป็นใครมาจากไหนแล้วมีเป้าหมายอะไร
คำตอบทุกอย่างอยู่ในซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าเขาเรียบร้อยแล้ว
“มาร์ค ต้วน เป็นคนไต้หวันแต่มาทำงานและเรียนที่เกาหลี
ทางบ้านฐานะไม่ค่อยดี แบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพียงคนเดียว
เป้าหมายคือหาเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทางบ้านเป็นหนี้ก้อนโตเพราะถูกโกง
อืม....ประวัติก็หาได้ทั่วไปตามหน้านิยายสมัยนี้เลยนะ โคตรดราม่าเลยว่ะ”
“ต้องการให้พวกเราไปพาตัวมาเลยไหมครับนายน้อย”
“ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง พวกแกห้ามบอกพ่อล่ะว่าฉันกำลังจะทำอะไร”
“ครับนายน้อย”
“มาร์คทำงานที่ร้านนั้นใช่ไหม”
“ใช่ครับนายน้อย”
“หึ ๆ
โชคร้ายหน่อยนะมาร์คที่ร้านอาหารที่นายทำงานอยู่ดันเป็นร้านในเครือของโรงแรมพ่อฉัน
สนุกแน่งานนี้”
“เอ่อ..นายน้อยพูดกับใครเหรอครับ”
“พูดคนเดียวเว้ย บ่นไง บ่นอยู่
เวลาพระเอกในหนังเค้าคิดอะไรได้จะพูดกับตัวเองไง โวะ พวกไม่ดูหนัง
ฉันไปล่ะไม่ต้องส่งคนมาตามนะ ขอฉายเดี่ยว”
“ครับนายน้อย”
ยูคยอมเดินควงกุญแจรถพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี เขาเดินตรงไปที่รถสปอร์ตคันหรูก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งแล้วสตาร์ทออกไป
จุดหมายวันนี้แน่นอนว่าต้องเป็นที่ที่มาร์คทำงานอยู่
ยูคยอมพาร่างสูง ๆ
ของตัวเองเข้ามาภายในร้านอาหารก่อนจะสอดส่องไปทั่วร้านเพื่อหาเจ้าของใบหน้าที่ติดอยู่ในหัวเขาตลอดทั้งคืน
เขาเดินไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่ก่อนจะโบกมือเรียกพนักงาน
“น้อง พนักงานที่ชื่อมาร์คยังไม่เข้ามาเหรอ”
“ยังครับนายน้อย วันนี้พี่มาร์คเข้ากะดึกน่ะครับ มีอะไรฝากไว้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันจะรออยู่นี่แหละ”
“แล้วจะรับอะไรดีครับ”
“เอาเหมือนเดิมละกัน”
“ได้ครับ สักครู่นะครับ”
“เอ้อเดี๋ยวก่อน”
“ครับ”
“ไม่ต้องบอกมาร์คนะว่าฉันเป็นใคร แค่บอกว่าฉันมารอก็พอ”
“ได้ครับนายน้อย”
“อืม ไปได้ละ”
พนักงานหนุ่มเดินกลับเข้าไปในครัว ส่วนยูคยอมก็นั่งรอด้วยความใจเย็น...หมายถึงแค่ภายนอกน่ะนะที่ดูใจเย็น
เพราะแท้ที่จริงแล้ว เขาแทบทนรอจะเจอมาร์คอีกครั้งไม่ไหวแล้ว เหมือนคน ๆ นี้มีอิทธิพลต่อจิตใจมาก
ๆ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันครั้งเดียวแค่นั้นเอง
“อ้าวพี่มาร์คมาแล้วเหรอ”
พนักงานหนุ่มจงใจเรียกอีกฝ่ายเสียงดังเพื่อให้ยูคยอมได้ยิน
ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ยูคยอมที่นั่งสัปหงกอยู่เด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที
“อื้ม เรียกซะเสียงดังเชียว”
“มีคนมารอพี่น่ะ นั่งรอตั้งแต่เย็นแล้วนะ”
“ใคร”
“คนนั้นไง”
พนักงานชี้มาที่ยูคยอมที่ยืนอยู่
“หมอนั่นอีกแล้วเหรอ”
“แฟนพี่เหรอ”
“เห่ย บ้าแล้ว ไม่ใช่หรอก โรคจิตแหละมั้ง เมื่อวานก็ถ่ายรูปฉันไปเฉยเลย”
“อ่า....งั้นผมออกกะก่อนนะฮะ”
“อืม ไปเถอะ”
มาร์คเดินเข้าไปหายูคยอม “มีอะไร”
“กินข้าวด้วยกันหน่อยสิ”
“ไร้สาระหน่าคุณ ผมขอตัวไปทำงานก่อน”
“เดี๋ยวสิ”
“อะไรอีก ผมไม่ได้มีเวลาว่างมาเล่นกับคุณหรอกนะ ต้องทำมาหากิน
ขอตัวครับ” มาร์คเลือกเดินเข้าไปหลังร้านแล้วทำงานอย่างตั้งอกจั้งใจโดยไม่ได้สนใจยูคยอมที่ยังคงนั่งที่เดิมไม่ลุกไปไหน
ไม่นับที่ลุกไปเข้าห้องน้ำน่ะนะ
วันแรกผ่านไปด้วยความว่างเปล่า มาร์คไม่ได้เก็บเรื่องของยูคยอมมาใส่ใจ
แต่ในหัวยูคยอมกลับมีแต่มาร์ค มาร์ค แล้วก็มาร์คทั้งนั้น
จะเรียกว่าเข้าขั้นวิกฤตก็ได้
วันที่สองขงการพนันและพิชิตใจของมาร์คเริ่มต้นโดยการที่ยูคยอมไปดักรอมาร์คแต่เช้าตรู่ที่ตลาดสด
สถานที่ที่มาร์คทำงานในช่วงเช้า ยูคยอมผู้ไม่เคยตื่นก่อนเที่ยงต้องพยายามงัดตัวเองจากเตียงเพื่อมาที่แห่งนี้ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นอีก
เขายืนหาวแบบไม่ห่วงลุคเท่ ๆ ของตัวเองอยู่ที่ข้างรถเพื่อรอมาร์ค
“คุณอีกแล้วเหรอ” ยูคยอมรีบหุบปากของตัวเองแทบไม่ทัน “เป็นโรคจิตหรือไง ตามอยู่ได้”
“ก็อยากเจอมาร์คนี่นา”
“ทำไมต้องอยากเจอผมด้วย ถ่ายรูปผมไป ผมไม่แจ้งความก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“ผมลบให้ก็ได้นะ แต่ว่าแลกกับข้าวมื้อหนึ่ง ผมเลี้ยงเอง” มาร์คมองอย่างไม่เข้าใจ “นะ”
“อืม ก็ได้ แต่รอผมทำงานก่อนนะ ผมว่างแค่ครึ่งชั่วโมงแล้วก็ต้องไปทำงานต่อที่อื่นแล้ว”
“ได้ ๆ”
“กินแถวนี้ล่ะ ไม่อยากไปไกลเสียเวลาไปทำงาน”
“ครับ”
“งั้นรออยู่นี่ละกันไม่ต้องตามมานะ”
“รับทราบ!”
หลังจากที่รอมาร์คทำงานเสร็จ ยูคยอมก็พามากินข้าวร้านอาหารเล็ก ๆ
ที่ไม่ไกลจากตลาดมากนัก อาหารที่สั่งมากินก็ง่าย ๆ ตามแบบของอาหารเช้า
ยูคยอมบอกเองว่าจะเป็นคนเลี้ยงซึ่งมาร์คก็ถือโอกาสสั่งอาหารมามากเท่าที่จะมากได้
ส่วนยูคยอมก็สั่งกาแฟดำมาแค่แก้วเดียวโดยให้เหตุผลว่า
“เช้า ๆ ผมไม่ค่อยกินอะไรหรอก”
“อ๋อเหรอ”
มาร์คเบะปากใส่เล็กน้อยก่อนจะจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยจนลืมไปเลยว่าเขานั่งอยู่กับคนแปลกหน้า
ยูคยอมพอใจที่จะได้นั่งมองมาร์คกินข้าว
เมื่ออาหารตรงหน้าหายไปเกือบครึ่งมาร์คก็แสดงอาการอิ่มออกมา ยอมรับกันตรง ๆ
มาร์คแค่อยากสั่งมาแกล้งยูคอม แต่ดู ๆ ไปแล้วก็เสียดายอาหาร คิดถึงคนที่บ้านแล้วก็อยากหน้าด้านขอห่อกลับบ้านไป
“มาร์คอิ่มเหรอ”
“ใช่ มันเยอะเกินไป ผมคิดว่าคุณจะกินด้วยซะอีก”
“ไม่หมดก็ห่อกลับได้นะ ผมไม่ถือ”
“จริงเหรอ!”
“จริงสิ”
“งั้น ๆ ห่อกลับนะ”
“อ่าห้ะ น้อง ๆ ช่วยห่อที่เหลือให้หน่อยนะ”
“ได้ครับพี่” พนักงานในร้านเดินมานำอาหารที่เหลืออยู่กลับเข้าไปในครัวแล้วจัดการใส่ห่อกลับให้กับมาร์ค
ยูคยอมจ่ายค่าอาหารทั้งหมดแล้วเดินมาหามาร์คที่ยืนรออยู่หน้าร้าน
“ขอบคุณนะสำหรับอาหาร”
“ขอบคุณเหมือนกันนะที่ยอมมากินข้าวด้วย”
“ทำไมคุณถึงอยากกินข้าวกับผมนัก”
“ชอบ”
“ห้ะ”
“ก็เพราะว่าชอบ จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากแค่กินข้าวหรอก แต่ก็ไม่รู้จะชวนอะไรอีก”
“ชอบผมเนี้ยนะ”
“ใช่น่ะสิ ไม่งั้นผมจะตามมาร์คขนาดนี้เหรอ”
“นั่นสินะ”
“ให้ผมไปส่งนะ”
“ผมเกรงใจคุณนะ เลี้ยงข้าวผมแล้วน่ะ”
“มาร์คจะปฏิเสธผมจริง ๆ น่ะเหรอ”
“ก็ได้ ๆ ไปส่งที่บ้านก่อนนะ ผมจะแวะเอานี่ไปให้คนที่บ้าน”
“ได้ครับ” ยูคยอมพอใจที่มาร์คยอมอ่อนให้นิดหน่อย
เขาทำคะอนนโดยการตามในมาร์ค ใช้ลูกอ้อนที่คิดว่าคนอย่างมาร์คแพ้ทาง
ทำตัวน่าเอ็นดูเพื่อให้มาร์คสงสาร แล้วมันก็ได้ผลจริง ๆ
วันที่สามยูคยอมยังคงตามมาร์คไปยังที่ทำงานตอนเช้าแบบเดิม
พาไปกินข้าวแบบเดิม แต่ไม่ตามไปทุกที่เพราะเขาคิดเอาไว้แล้วว่าถ้าทำแบบนั้นมาร์คต้องอึดอัด
เพราะฉะนั้นเขาจะตามเท่าที่สามารถตามได้
เขาทำแบบนี้เป็นอาทิตย์จนวันสุดท้ายของการพนัน เขาแอบรู้มาว่าวันนี้มาร์คไม่ได้ทำงานตอนกลางคืนมันจึงเป็นโอกาสดีถ้าเขาจะจบเรื่องนี้
“วันนี้ผมไม่มีงานแล้ว คุณล่ะว่างไหม”
มาร์คเป็นฝ่ายโทรมาหายูคยอมก่อนซึ่งเหนือความคาดหมายมาก ๆ
ยูคยอมจึงบอกทันทีว่าเขาเองก็ว่างเหมือนกันก่อนจะออกปากว่าจะไปรับที่บ้านแล้วพาไปนั่งดื่มชิล
ๆ และมาร์คก็ตอบตกลง เขารอยูคยอมอยู่หน้าบ้าน ไม่นานนักอีกฝ่ายก็มารับ
ทั้งคู่มายังร้านเหล้าที่คนไม่พลุกพล่านมากนัก บทสนทนาก็ไม่มีอะไรมาก จะเป็นการพูดคุยในเรื่องธรรมดากันเสียมากกว่า
“ไม่คิดว่ามาร์คจะเป็นคนโทรมาหาผมก่อนนะเนี้ย”
“แปลกมากหรือไง”
ยูคยอมยักไหล่ให้แทนคำตอบ มาร์คใช้นิ้วลูบวนไปตามปากแก้วเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ซึ่งแน่นอนว่ายูคยอมมองทุกการกระทำของมาร์ค
“มีอะไรในใจหรือเปล่า”
“หือ?”
มาร์คที่เหมือนหลุดออกจากภวังค์หันมาถาม
“อะไรนะ”
“มาร์คมีอะไรในใจหรือเปล่า เกี่ยวกับผมใช่ไหม”
“อ่าห้ะ”
“พูดมาสิ”
“ทำไมถึงชอบผม คุณดูแบบว่า ไม่ได้อยู่ในสังคมเดียวกับผมด้วยซ้ำ”
“ทำไมล่ะ จะชอบใครสักคนต้องอยู่สังคมเดียวกันด้วยเหรอมาร์ค”
“ก็..ไม่รู้สิ ผมแค่คิดว่าคุณกำลังหวังอะไรบางอย่างอยู่”
“ฮ่า ๆ”
ยูคยอมคิดในใจว่ามาร์คไม่ใช่คนโง่
แต่จะให้เขาปล่อยไปตอนนี้ก็ต้องแพ้พนันแจ็คสันแน่ ๆ เพราะฉะนั้น
เดินหน้ามาแล้วก็ต้องเดินต่อไปให้สุดทาง
“ขำอะไร”
“คิดว่าผมหวังอะไรล่ะครับ”
“ก็...”
...
ลิ้นชื้นบดเบียดเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร มือหนาเอื้อมไปปิดประตูห้องอย่างลวก
ๆ จริง ๆ แล้วไม่ต้องปิดก็ได้เพราะว่าทั้งชั้น 12 เป็นของยูคยอมทั้งหมด
มือเล็กปัดป่ายไปตามร่างกายของอีกฝ่ายอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
ร้อนถึงยูคยอมที่ต้องเป็นคนถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ตามด้วยเสื้อผ้าของมาร์ค ทั้งคู่ล้มตัวลงบนเตียงกว้าง
ยูคยอมขึ้นคร่อมมาร์คก่อนจะบดริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากของมาร์คอย่างหนักหน่วง
ทั้งสองแลกสัมผัสกันอยู่นานก่อนที่ยูคยอมจะสอดใส่ความเป็นตัวตนของเขาเข้าไปในร่างกายของมาร์ค
ความเจ็บจากการกระทำนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแต่แค่ชั่วขณะเท่านั้นเพราะไม่นานมาร์คก็รู้สึกคุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอม
ความเจ็บแปรเลี่ยนเป็นความเสียวซ่านแทน มาร์คจับไหล่ของยูคยอมแน่น
เช่นกันกับยูคยอมที่ขยับเข้าออกเป็นจังหวะที่ไม่เร่งรีบและไม่ช้าจนน่าเบื่อ
หัวใจของมาร์คเต้นรัว ทั้งตื่นเต้นกับสิ่งที่ไม่เคยทำและชื่นชอบกับสัมผัสที่ยูคยอมมอบให้
ยูคยอมขยับจังหวะให้เร็วขึ้นเพื่อให้ครั้งแรกผ่านไป
น้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมาตามช่องทางอย่างห้ามไม่ได้
ยูคยอมปล่อยให้มาร์คหายใจอยู่ครู่นึงเขาก็เริ่มทุกอย่างอีกครั้ง ตลอดทั้งคืนทั้งคู่ไม่มีใครได้นอน
มีเพียงเสียงเรียกชื่อผสมกับเสียงลมหายใจเคล้ากับเสียงครางที่ดังออกมาเป็นระยะ
มาร์ครู้สึกว่าไม่ยุติธรรมหากว่ามีเพียงเขาที่อยู่ใต้ร่าง
เขาจึงพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนบ้างแล้วก็ขยับเข้าออกเป็นจังหวะที่มียูคยอมเป็นผู้ควบคุม
พวกเขาผลัดกันมอบความสุขให้กันและกันขนถึงเช้า
...
“ฮัลโหล ว่าไงมึง”
ยูคยอมตื่นมารับโทรศัพท์ตอนสายของวัน เขามองเบอร์ที่โทรเข้ามาแว่บหนึ่งจากนั้นก็ลุกไปคุยกับปลายสายที่ระเบียงห้อง “ระดับกูเหรอจะแพ้พนันมึงน่ะ ต้องเอาอะไรไปยืนยันมึงล่ะ เสียงครางไหมถึงจะเชื่อว่ามาร์คนอนกับกูน่ะ
ฮ่า ๆ เอ่อ ๆ รู้แล้ว ๆ แค่นี้ก่อนนะ โอเค ๆ ไว้เจอกัน” เขากดวางสายก่อนจะเดินกลับเข้ามาภายในห้อง “เห้ยมาร์ค!”
คนที่เขานอนกอดทั้งคืนยืนฟังเขาคุยโทรศัพท์ตั้งแต่ต้นจนจบ
มาร์คไม่ได้ร้องไห้เหมือนในละครแต่ก็ไม่ได้ยิ้มแย้มอย่างที่ตนหวังหลังจากตื่นนอน
“หมายความว่ายังไง”
เขากดเสียงต่ำถามอีกฝ่าย
“คือ....”
“คุณเอาผมไปพนันกับเพื่อนเรื่องอะร เรื่องบนเตียงเหรอ” มาร์คกัดฟันแน่นพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ “ตอบมาสิ!”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะมาร์ค ผมอธิบายได้”
“งั้นก็พูดมาสิ ผมรอฟังอยู่!”
“คือก็ใช่ที่บอกว่าพนันเรื่องนั้น”
มาร์คเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองมาใส่
“เดี๋ยวก่อนจะไปไหน”
ยูคยอมสวมกอดมาร์คจากด้านหลังแน่น “ฟังให้จบก่อนสิมาร์ค”
“ผมมีงานต้องทำ ไม่ได้มีเวลาว่างแบบคุณ”
“เดี๋ยวไปส่งนะ”
“ไม่ต้อง ตั้งแต่นี้ก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก”
“เดี๋ยวดิ โกรธใช่ไหม งั้นก็ตีผมก็ได้ ด่าผมสิ
แต่อย่าพูดว่าจะไม่เจอกันอีก ผมรักมาร์คนะ รักจริง ๆ โอเคตอนแรกอาจแค่ชอบ
แต่ตอนนี้รักไปแล้ว”
“โกหก”
“ไม่! ผมไม่ได้โกหก”
“นี่อยู่ในข้อตกลงที่คุณพนันกับเพื่อนด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ ผมชอบมาร์คตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
แต่เพื่อนผมมันบอกว่าผมจีบมาร์คไม่ติดหรอก มันเลยท้าพนัน แค่นั้นจริง ๆ
ส่วนเรื่องที่ผมจีบมาร์คก็เรื่องจริงนะไม่ได้โกหกเพราะหวังฟันแล้วทิ้ง เชื่อผมนะ”
“อืม”
มาร์คที่เริ่มใจเย็นลงค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ยูคยอมจึงเดินเข้ามานั่งข้าง
ๆ แล้วสวมกอด
“เดี๋ยวไปส่งทำงาน แล้วเสร็จงานก็โทรมาเดี๋ยวไปรับ”
“ไม่ต้องก็ได้”
“ให้ไปรับเถอะนะ”
“เฮ้อ ก็ได้”
“เดี๋ยวจะไปยกเลิกข้อตกลงที่พนันกับมันไว้ มาร์คจะได้สบายใจไง
ผมจีบมาร์คจริง ๆ ไม่มีเรื่องพนันมาเกี่ยว แบบนี้โอเคไหม”
“อืม”
“งั้นก็..เป็นแฟนกันตกลงนะ”
“จะตอบอย่างอื่นได้ไงล่ะ”
FIN
#ficmmeso