#คุณครูมาร์ค
ยูคยอม/มาร์ค
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของนักเรียนมัธยมปลายในประเทศเกาหลีถือเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
เพราะฉะนั้นลูกชายคนเล็กของตระกูลคิมจึงเป็นคนที่ทั้งครอบครัวตั้งความหวังเอาไว้
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ตั้งใจเรียนแถมติดจะเกเรมากก็ตาม
“ยูคยอม
เมื่อไหร่จะเลิกออกไปทำตัวไร้สาระนอกบ้านแล้วหันมาตั้งใจเรียนแบบคนอื่นเค้าสักทีล่ะลูก”
หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายคนเล็กระหว่างที่กำลังทานข้าวอยู่
“ผมไม่ได้ทำตัวไร้สาระสักหน่อย แม่รู้มั้ยว่าถ้าผมฝึกไปเรื่อย ๆ
ผมยึดทำเป็นอาชีพได้เลยนะ”
ลูกชายหัวดื้อหันไปตอบทั้ง ๆ ที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก
“เล่นสเก็ตบอร์ดน่ะเหรอที่ลูกจะยึดถือเป็นอาชีพน่ะ”
“ครับ”
“แต่แม่ไม่เห็นด้วย กิจการที่บ้านเราก็มี แค่ลูกสอบเข้าคณะที่พ่อต้องการ
จบแล้วก็มารับช่วงต่อจากพ่อ แค่นี้เองนะลูก”
“โถ่แม่ ก็ผมไม่ชอบนี่ครับ”
“เฮ้อ... ดื้อจริง ๆ ลูกคนนี้”
ยูคยอมหันมายักคิ้วให้ผู้เป็นแม่แล้วก็ก้มตาก้มตาทานข้าวต่อย่างอารมณ์ดี “แต่ว่านะ... แม่จ้างครูสอนพิเศษเอาไว้แล้ว”
“แม่ครับ”
“เอาน่า จ้างเค้ามาแล้วก็เรียนซะนะ สอบได้ไม่ได้ก็ค่อยว่ากันอีกทีละกัน”
“แต่ผมไม่ชอบเรียนนะครับ”
“เอาน่าลูก ถือว่าแม่ขอนะ เริ่มเรียนพรุ่งนี้ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเลย
อย่ากลับบ้านสายล่ะ เดี๋ยวคุณครูเค้าจะรอ”
“แม่ครับ..”
“ขอล่ะยูคยอม แม่ไม่อย่ากเสียคำพูดกับคนอื่น ลูกเข้าใจใช่มั้ย”
“....”
“หรือว่าลูกไม่รักแม่แล้ว”
“ก็ได้ครับ ผมตกลงว่าจะเรียนพิเศษ”
“ดีมากจ้ะ ทานเยอะ ๆ เลยนะลูก”
“ครับแม่”
เย็นวันแรกของการเรียนพิเศษที่ยูคยอมไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วยกำลังจะมาถึง
ระหว่างทางที่เขาเดินกลับจากโรงเรียนเขาก็เจอเข้ากับใครบางคนที่ยืนทำตัวมีพิรุธอยู่หน้าบ้านเขาเอง
ชายรูปร่างผอมบางสวมชุดวอร์มออกกำลังกายและใส่แว่นตาหนาเตอะยืนด้อม ๆ มอง ๆ
จนน่าสงสัย ยูคยอมจึงรีบเดินเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายทันที
“มาทำอะไรครับ”
เขากดเสียงต่ำถามจนอีกฝ่ายตกใจเพราะเขาเข้าไปประชิดตัวโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“เห้ย!! เอ่อคือ สะ..สวัสดีครับ” ชายหนุ่มที่สวมแว่นตากล่าวทักทายพร้อมกับโค้งให้ตามมารยาท
ยูคยอมมองแล้วก็พยักหน้ารับ
“ฉันถามว่ามาทำอะไร นายดูมีพิรุธนะ”
“เอ่อคือ ผะ..ผมมาสอนพิเศษครับ”
“อ๋อ เข้ามาสิ” ยูคยอมเปิดประตูเล็กให้อีกฝ่ายเข้าไปก่อนจากนั้นเขาก็เดินตามเข้าแล้วปิดประตูเอาไว้ดังเดิม
“อ้าวมาแล้วเหรอจ้ะ เข้ามาข้างในได้เลยจ้ะ” คุณนายของบ้านคิมเอ่ยปากต้อนรับคุณครูสอนพิเศษของลูกชายคนเล็กด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ”
“ขึ้นไปสอนกันข้างบนห้องเลยนะจ้ะ
เดี๋ยวแม่จะเอาของว่างขึ้นไปให้ทีหลัง”
“ขะขอบคุณครับ”
ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนห้องโดยมียูคยอมเป็นคนเดินนำทาง
ภายในห้องโทนสีน้ำเงินเข้มเต็มไปด้วยข้าวของมากมายที่เด็กวัยรุ่นผู้ชายคนนึงจะมี
ทั้งอุปกรณ์กีฬาหลากหลายชนิด เครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุด
เสื้อผ้ากองโตที่ถูกถอดแล้วขว้างใส่ตะกร้าจนล้นออกมา
และหนังสือการ์ตูนราวสิบตั้งที่วางอยู่บนพื้นเนื่องจากมันล้นออกมาจากตู้หนังสือ
“นั่งตรงนั้นแล้วกัน”
ยูคยอมชี้ที่ว่างแคบ ๆ ที่ใกล้กับเตียงให้อีกฝ่าย
“ครับ”
เขารับคำแล้วเดินไปนั่งด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม
“ชื่ออะไร”
“มาร์คครับ”
“ผมยูคยอมนะ แก่กว่าใช่มั้ย”
“ครับ”
“ก็ไม่ต้องพูดเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้”
“จะดีหรอครับ”
“อือ”
“เริ่มเรียนกันเลยมั้ย”
ปลายเสียงของมาร์คแผ่วลงเพราะเขายังคงไม่ชินกับการพูดแบบไม่มีหางเสียง
“เอาสิ” ยูคยอมเดินมานั่งที่ขอบเตียงแล้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้มาร์ค
“งั้นเริ่มจากวิชาภาษาอังกฤษก่อนเลยนะ คุณน้าบอกว่าคุณไม่ถนัดวิชานี้”
“อ่าฮะ”
มาร์คเริ่มต้นสอนบทเรียนภาษาอังกฤษให้ยูคยอมอย่างตั้งใจแต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นหูทวนลมชอบชวนเขาคุยนอกเรื่องตลอด
“คุณยูคยอม ขอร้องล่ะ ตั้งใจฟังที่ผมพูดหน่อยเถอะ” มาร์คพูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
นี่เพิ่งจะวันแรกเองนะ เขายังต้องสอนไปอีกหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ขืนเป็นแบบนี้มีหวังเรียนไม่รู้เรื่องกันพอดี
“ทนได้ก็สอนต่อ ทนไม่ได้ก็หยุดสอนซะสิ” ยูคยอมตอบพลางนอนกลิ้งไปมาบนเตียง
“เฮ้อ..”
“คิก ๆ”
“ถ้าอย่างนั้น...ผมก็จำเป็นต้องทำแบบนี้”
มาร์คถอดแว่นออกมาวางไว้บนพื้นและรูดซิปเสื้อวอร์มจากนั้นก็ถอดมันออกเหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำแนบเนื้อ
เขาปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วคร่อมร่างของยูคยอมเอาไว้
“เห้ย! จะทำอะไรน่ะ”
“เด็กดื้อ ต้องถูกครูลงโทษ”
มาร์คกดจมูกของเขาลงไปที่ซอกคอขาวเนียนของอีกฝ่าย
ยูคยอมทั้งตกใจทั้งอึ้งแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร มาร์คจึงค่อย ๆ
สอดมือลงไปใต้กางเกงแล้วนวดคลึงของกลางของยูคยอมจนอีกฝ่ายร้องครางออกมาเบา ๆ “รู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ” ยูคยอมพยักหน้าตอบ “ถ้าตั้งใจเรียนผมจะให้คุณรู้สึกดียิ่งกว่านี้อีก”
มาร์คประทับริมฝีปากของเขาลงไปที่ริมฝีปากของยูคยอม มือหนาของอีกฝ่ายลูบไล้ไปตามสะโพกของมาร์คก่อนจะออกแรงกดให้มาร์คต้องลงมานอนทับกับร่างกายของเขาเอง
“มีเงื่อนไขแบบนี้ค่อยน่าเรียนหน่อย แต่ว่าถอดแว่นแล้วดูดีกว่านะครับคุณครูมาร์ค” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม
“ถอดเฉพาะตอนให้รางวัลกับนักเรียนดีเด่นเท่านั้นแหละน่า” มาร์คยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม
หยิบแว่นตาและเสื้อวอร์มกลับมาใส่ดังเดิมและเริ่มสอนต่อแบบเดิม
ยูคยอมขำออกมาเล็กน้อยแล้วก็ลงไปนั่งข้าง ๆ มาร์ค
แล้วทั้งสองก็เรียนกันอีกครั้งอย่างจริงจังจนเวลาผ่านไปได้เกือบสามชั่วโมง
‘ก๊อก ๆ’
ผู้เป็นแม่ค่อย ๆ เปิดประตูเข้ามาภายในห้องพร้อมกับถาดของว่างและน้ำหวาน
เธอยกถาดมาวางไว้ที่โต๊ะรก ๆ ของยูคยอมก่อนจะยืนมองเจ้าลูกตัวแสบที่บัดนี้กลายเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนกับครูพิเศษไปแล้ว
“แม่วางของว่างไตรงนี้นะจ้ะ พักมาทานกันก่อนนะจะได้มีแรงเรียนกันต่อ
แต่ถ้าหิวข้าวก็ลงไปทานกันเลยนะจ้ะ แม่เตรียมเอาไว้ให้เราทั้งสองคนแล้ว”
“ครับแม่”
“ขอบคุณครับคุณน้า”
“ไม่เป็นจ้ะ อย่าหักโหมกันนะเจ้าตัวแสบ”
“ค้าบบบบบ” เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ตั้งใจเรียนกันเธอจึงออกมาจากห้องเงียบ
ๆ พร้อมรอยยิ้ม
มาร์คทำหน้าที่ของตัวเองต่อเรื่อย ๆ จนใกล้ถึงเวลากลับบ้านแล้วเขาจึงหยุดการสอนและทยอยเก็บของลงกระเป๋า
ยูคยอมถือวิสาสะดึงแว่นของมาร์คออกแล้วชูมันขึ้นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายแย่งคืนไปได้
“เอาคือมานะยูคยอม”
เขาบอกเสียงแข็ง
“โห ๆ ถอดแว่นแล้วคนละคนเลยแฮะ ผมเรียกพี่มาร์คได้มั้ย
เรียกครูมันแปลก ๆ”
“ก็ได้ แต่ขอแว่นคืนหน่อย”
มาร์คพยายามแย่งแว่นตาคืนมาจากอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เป็นผล
“ไม่ใช่แว่นสายตานี่นา ใส่ทำไมกัน แล้วก็ชุดวอร์มด้วย
พี่เป็นนักกีฬาหรือยังไง”
“เอาคืนมานะยูคยอม”
“ดูสิ คนละคนจริง ๆ ด้วย ผมชอบพี่แบบไม่ใส่แว่นมากกว่านะ ดูไม่เฉิ่มดี”
“คิมยูคยอม!!”
“หูวววว ดุด้วยแฮะ ฮ่า ๆ”
มาร์คใช้โอกาสที่ยูคยอมหัวเราะตนเองอยู่แย่งแว่นตาในมือของอีกฝ่ายมาแล้วสวมมันไว้ที่เดิมบนใบหน้า
“ขอตัวก่อนนะถึงเวลากลับบ้านแล้ว”
มาร์คที่กำลังจะลุกขึ้นก็ถูกยูคยอมดึงแขนเข้าไปประชิดตัวทันที
“เดี๋ยวสิครับ ผมตั้งใจเรียนเมื่อกี้แล้ว ขอรางวัลหน่อยสิ” มาร์คหลับตานิ่งก่อนจะถอดแว่นออกอีกครั้ง
“เอาไปแค่นี้พอ”
มาร์คจูบปากของยูคยอมเบา ๆ ก่อนจะถอนออก
“ขอดูพฤติกรรมก่อนละกัน วันนี้พอแค่นี้ก่อน ฉันจะต้องกลับแล้ว” มาร์คสวมแว่นตาพลางลุกขึ้น
“งั้นกินข้าวด้วยกันก่อนสิ”
“ไม่ดีกว่า” เขาปรับน้ำเสียงให้ดูนุ่มนวลลงต่างจากเม่อครู่ที่ดูแข็งกระด้าง “พรุ่งนี้ต้องเข้ามหาวิทยาลัยแต่เช้าเดี๋ยวจะกลับดึกแล้วนอนไม่พอ
ไปล่ะ พรุ่งนี้เย็นเจอกันใหม่นะ”
มาร์คว่าก่อนจะเดินออกจากห้องทิ้งให้ยูคยอมนั่งยิ้มอยู่คนเดียว
“บ้าไปแล้วมั้ง”
เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ “หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ยูคยอมยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินลงไปทานข้าวเย็นตามปกติ
วันที่สองของการเรียนพิเศษกับครูแปลก ๆ
ที่มีสองบุคลิกในคนเดียวเพียงแค่ถอดแว่นคนที่ดูเรียบร้อยก็กลายเป็นคนที่ดูร้อนแรงแล้ว
ยูคยอมปฏิเสธคำชวนของเพื่อนทุกคนที่บอกว่าวันนี้มีแข่งสเก็ตบอร์ดใต้ดิน
เขาเดินมาถึงหน้าบ้านก็เจอเข้ากับมาร์คที่เพิ่งเดินมาถึงพอดี
“ไงครับคุณครูมาร์ค ใส่แว่นกับชุดวอร์มมาอีกแล้วนะครับ” เขาเอ่ยถามก่อนจะเดินไปประชิดตัวอีกฝ่าย
“ฉันมีเหตุผลก็แล้วกัน”
“อย่างนั้นเหรอ โอเค๊ เข้าไปข้างในกันดีกว่า ผมอยากเรียนจะแย่” ยูคยอมเดินนำมาร์คเข้าไปในบ้าน เมื่อทั้งสองคนมาถึงก็ถูกต้อนรับด้วยคุณนายคิมเช่นเดิม
“มากันแล้วเหรอจ้ะ วันนี้ฝากยูคยอมด้วยนะมาร์ค”
“ครับคุณน้า”
ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนห้องแต่แทนที่จะเริ่มต้นด้วยการเปิดหนังสืออ่านกลับกลายเป็นร่างสองร่างยืนจูบกันอยู่ที่ประตูห้อง
ลิ้นชื้น ๆ ของทั้งคู่เกี่ยวหยอก้อกันภายในโพรงปากอย่างสนุกสนานและไม่รู้จักจบสิ้น
มาร์คที่เริ่มหายใจไม่ทันก็ผลักอกของยูคยอมออก
“อีดนิดสิ”
ยูคยอมโน้มใบหน้าเข้าหาแต่ก็โดนอีกฝ่ายห้ามไว้
“แฮ่ก ๆ ไม่ได้ เราต้องทำข้อตกลงกันแล้วล่ะยูคยอม”
“ว่ามา”
“ถ้าตั้งใจเรียนฉันให้จูบแบบที่นายต้องการ”
“โหยไรว้า”
“ฟังก่อน ทุก ๆ วันศุกร์จะมีการทำข้อสอบที่ฉันเตรียมเอาไว้
ถ้าทำได้คะแนนเกินครึ่งฉันจะทำให้นายผ่อนคลาย”
มาร์คว่าพลางลากนิ้วลงไปที่ส่วนกลางของยูคยอม
“ค่อยน่าสนหน่อย”
“แต่ก่อนเรียนทุกเย็นจะให้จูบแบบไม่ใช้ลิ้น เอาไว้เป็นกำลังใจในการเรียน”
“งั้นฟังข้อตกลงของผมบ้างนะครับครู”
“อะไร”
“ถ้าผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยตอนสิ้นเดือนนี้ได้ ผมขได้มั้ย”
“หมายถึงอะไรล่ะ”
“ก็บนเตียงไงครับ”
“มากไปแล้วนะนายน่ะ”
“งั้นมันก็ไม่มีแรงบรรดาลใจในการสอบเข้านี่ครับ”
“ก็ได้ งั้นก็ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ”
“ครูมาร์คเวอร์ชั่นไม่สวมแว่นตานี่มันดีจริง ๆ ถอดตลอดเวลยได้มั้ย
ถอดทั้งแว่นตา ทั้ง...เสื้อผ้าด้วย”
ยูคยอมก้มลงไปกระซิบข้างหูของมาร์คก่อนนะเป่าลมให้อีกฝ่ายขนลุก
“ลามปาม เริ่มเรียนได้แล้ว”
“จูบอีกทีจะนั่งเรียนเป็นเด็กดีเลย”
“ไม่ได้ ข้อตกลงคือข้อตกลง”
“ก็ได้”
ยูคยอมเดินไปนั่งที่เดิมก่อนจะตั้งใจฟังมาร์คที่สวมแว่นตาแล้วสอนอย่างจริงจัง
เมื่อการสอนจบลงสิ่งที่ยูคยอมได้รับตอบแทนการตั้งใจเรียนก็คือจูบที่มาร์คมอบให้
ลิ้นชื้นที่เกี่ยวตวัดกันภายในโพรงปากบ่งบอกได้ดีว่ามันเร่าร้อนมากแค่ไหน
มือเรียวกำเสื้อของคนเด็กกว่าแน่น มืออีกข้างก็จับกรอบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้
ยูคยอมนวดคลึงส่วนนุ่มหยุ่นของมาร์คอย่างสนุกมือจนใบหน้าอีกฝ่ายเริ่มขึ้นสี
ทุกการกระทำถูกหยุดด้วยสียงเคาะประตู มาร์คและยูคยอมผละออกจากกันอย่างเสียดาย
“เด็ก ๆ จ้ะลงมาทานข้าวได้แล้วจ้ะ”
“ครับแม่”
ยูคยอมตะโกนตอบแต่สายตายังคงจ้องอยู่ที่คนตรงหน้า “วันนี้จะรีบกลับอีกหรือเปล่า”
“อยากให้อยู่ก็จะอยู่ อยากให้กลับก็จะกลับ”
“แหนะ ดูพูดเข้า”
มาร์คจ้องอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ประกบริมฝีปากเข้าหาอีกครั้ง
เขาดันของเหลวสีใสของตัวเองเข้าไปภายในปากของอีกฝ่ายกลืนลงไป “อืม...”
จากนั้นก็ผละออกมา
“อ่านทบทวนที่สอนไปด้วยนะ เวลาทำข้อสอบตอนวันศุกร์จะได้ผ่าน”
“อยากทำล่ะสิ”
“พูดมาก”
“ฮ่า ๆ แต่ผมทำให้ครูตอนนี้ได้นะครับ มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลง”
“ไม่ได้ ถ้าทำมันจะลามไปอย่างอื่น”
“ฮ่า ๆ ชอบตอนถอดแว่นจริง ๆ แฮะ”
“อย่าไปพูดว่าชอบใครง่าย ๆ แบบนี้นะ คนฟังเค้าจริงจัง”
“โหหหหห ก็ที่พูดออกมาใครเค้าพูดเล่นกันล่ะครับครูมาร์ค”
“ไปกินข้าวละดีกว่า”
มาร์คหยิบแว่นขึ้นมาสวมก่อนจะกระแอมแล้วปรับน้ำเสียงให้นิ่งตามปกติ ยูคยอมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่มาร์คทำว่าทำไมจะต้องสวมแว่นเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงด้วย
แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ซักไซ้อะไรเพราะเขาเองก็ชอบแบบนี้เหมือนกัน
คนอะไรน่าค้นหาชะมัด...
วันที่สามและวันที่สี่ของการสอนพิเศษก็ดำเนินไปตามปกติและจบด้วยการจูบที่ทั้งสองคนชอบทำมากกว่าการอยู่กับหนังสือกองโตตรงหน้าอีก
มาร์คเริ่มต้องการเด็กตรงหน้ามากยิ่งขึ้นจนรอให้ถึงวันศุกร์แทบไม่ไหว
ส่วนยูคยอมเองก็ทนรอวันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยแทบไม่ไหวเหมือนกัน
ศุกร์แรกของการสอนพิเศษเร่มต้นด้วยมาร์คนำข้อสอบที่เขาคิดเอาไว้มาให้ยูคยอมทำ
เขาให้เวลาอีกฝ่ายทำทั้งหมอสองชั่วโมง
ภายในห้องที่เงียบสนิทมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ดังที่สุดในขณะนี้
มาร์คถอดแว่นตาออกตั้งแต่มาถึงที่ห้อง เขานั่งมองนักเรียนของตัวเองทำข้อสอบด้วยท่าทีจริงจังก็อดยิ้มไม่ได้
“จ้องมาก ๆ ผมไม่มัสมาธินะครับครู”
ยูคยอมพุดทั้ง ๆ ที่ยังคงก้มหน้าทำข้อสอบอย่างจริงจัง
“เวลาที่คนเราตั้งใจทำอะไรสักอย่างมันดีมากเลยรู้มั้ย” มาร์คพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เหรอครับ”
“ใกล้หมดเวลาแล้วนะ เสร็จหรือยัง”
“ครับ เสร็จพอดี” ยูคยอมวางปากกาแล้วค่อย
ๆ เวยหน้าขึ้นมาสบตากับมาร์ค “ผมหล่อมั้ยตอนตั้งใจทำอะไรสักอย่างน่ะ”
“อืม”
มาร์คตอบก่อนจะหยิบกระดาษข้อสอบมาตรวจ เขาใช้เวลาไม่นานนักก็ตรวจเสร็จ “เก่งแฮะ เกือบเต็มแหนะ”
“หึหึ แน่อยู่แล้ว”
ยูคยอมยิ้มมุมปากพลางยักคิ้วให้อีกฝ่าย
“ขอรางวัลด้วยนะครับ”
มาร์คยิ้มให้ยูคยอมก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเตียง
เขาร่นกางเกงของยูคยอมลงมาถึงเข่าจากนั้นก็ถอดชั้นในสีเข้มลงมาเช่นกัน
มือเรียวจับไปที่ส่วนกลางของยูคยอมก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่ายจากนั้นก็ก้มลงมามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เขารูดรั้งแท่งเนื้ออยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ใช้ปากครอบครองมันเอาไว้ทั้งหมด
ทุกอย่างอยู่ในสายตาของยูคยอมและเขาก็ค่อนข้างพอใจมากด้วย
มือหนาจับศีรษะของมาร์คเพื่อควบคุมจังหวะเข้าออกตามที่ต้องการ
มาร์คเองก็ทำตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย
เขาใช้มือข้างหนึ่งจับแท่งเนื้อเอาไว้และขยับปากเข้าออกตามจังหวะของยูคยอม
เขาปรนเปรอจนอีกฝ่ายใกล้ถึงจุดหมาย เขาเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ โดยใช้มือช่วยจนในที่สุดยูคยอมก็ปลดปล่อยมันออกมา
น้ำสีขาวขุ่นถูกปล่อยออกมามากจนมาร์คคาดไม่ถึงทำให้เขาต้องกลืนลงคออย่างเลี่ยงไม่ได้
ยูคยอมครางต่ำในลำคอพลางหอบเล็กน้อย เมื่อมาร์คเงยหน้าขึ้นมามองเขาก็ยิ้มให้
“ขอโทษครับ มันออกมาเยอะไปหน่อย”
“รสชาติก็ไม่ได้แย่มาก” มาร์คตอบพลางยักไหล่แล้วปีนขึ้นมานั่งบนตักของยูคยอม
“นั่งแบบนี้มันล่อแหลมมากนะครับ”
“หึ... งั้นเหรอ ตั้งใจเรียนสิ สอบเข้ามหาลัยได้เมื่อไหร่มันจะไม่ใช่แค่ท่านั่งหรอก”
“แล้วจะสอบติดให้ดู”
“รอเลยล่ะ”
มาร์คยิ้มก่อนจะกดจูบลงไปที่ซอกคอของยูคยอม เขาเผลอสร้างรอยเอาไว้ให้คนเด็กกว่าอย่างไม่รู้ตัว
“แสดงความเป็นเจ้าของเลยเหรอครับ”
ยูคยอมถามออกมาอย่างขำ ๆ
“โทษที...”
มาร์คผละริฝีปากออกมา
“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
ยูคยอมที่เห็นมาร์คชะงักไปก็รีบพูดดักขึ้น
“พี่เป็นอะไร”
“รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงต้องสวมแว่น”
“ไม่ครับ”
“ฉันมีสองบุคลิก”
“หมายถึงไบโพล่าน่ะหรอครับ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ฉันแค่ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เวลาอยู่กับอะไรที่ชอบมาก
ๆ สวมแว่นแล้วจะมีสติมากขึ้น”
“อ่า.... กำลังจะบอกว่าชอบผมเหรอ”
“คิดเอาเอง”
มาร์คลุกขึ้นจากตักของยูคยอมจากนั้นก็สวมกางเกงให้อีกฝ่าย “กลับแล้วนะ”
“เดี๋ยวสิ กินข้าวกันก่อน”
“ไม่ดีกว่า”
“ทำไม”
“อิ่มแล้ว” มาร์คตอบพลางขยิบตาให้อีกฝ่าย “ไปนะ”
เขาหอมแก้มยูคยอมทั้งสองข้างก่อนจะสวมแว่นแล้วเดินออกจากห้องไป
FIN.
#คุณครูมาร์ค