วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[OS] King Yugyeom & Queen M.

[OS] King Yugyeom & Queen M.
20+

ตารางงานของวันนี้มีเพียงแค่การแจกลายเซ็นและเล่นกับแฟน ๆ เท่านั้นที่หนุ่ม ๆ ทั้ง 7 คนต้องทำ ซึ่งมันไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่แถมยังสนุกอีกด้วย เหนือสิ่งอื่นใดวันนี้เป็นวันของคิมยูคยอมอย่างแท้จริง เนื่องจากพวกเขาถ่ายทำรายการบางอย่างและเขาก็ดันชนะเกมในรายการซะด้วยสิ รางวัลของผู้ชนะก็คือการได้เป็นพระราชาหนึ่งวัน ยูคยอมสามารถออกคำสั่งกับเหล่าสมาชิกที่เหลือได้โดยที่ห้ามใครก็ตามปฎิเสธคำสั่งนั้น
ยูคยอมออกคำสั่งจนเกือบครบทุกคน เว้นแต่....มาร์คแค่คนเดียว แถมวันนี้รายนั้นก็ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ยูคยอมจึงอยากเก็บคำสั่งเอาไว้แกล้งอีกฝ่ายเมื่อกลับถึงหอพัก
สมาชิกคนอื่นทยอยกันไปอาบน้ำ ส่วนคนที่เหลือก็นั่งพูดคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น พอใครอาบเสร็จแล้วคนที่เหลือก็จะผลัดเปลี่ยนเข้าไปอาบต่อ พวกเขาทำแบบนี้จนครบทุกคนแล้วจู่ ๆ ยูคยอมก็ล็อคคอมาร์คให้เดินเข้าไปที่(อดีต)ห้องนอนมาร์คและแจ็คสันก่อนจะหันไปขยิบตาให้สมาชิกที่เหลือ เมื่อพวกเขาได้รับสัญญาณจากพระราชาน้องเล็กแล้วก็ต่างพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป
“อะไรเนี้ย นายจะทำอะไรยูคยอม”  มาร์คที่โดนอีกฝ่ายพามาที่ห้องนี้ก็งงเป็นไก่ตาแตก  “ห้องนี้ร้อนจะตาย”  มาร์คปัดแขนของยูคยอมที่พาดคอตัวเองอยู่ออกแล้วก็เดินออกจากห้องแต่ก็ถูกยูคยอมดึงมากอดเอาไว้จากด้านหลัง
“อย่าเพิ่งไปสิครับ”  คนเด็กกว่าบอกพลางกดจมูกลงไปที่ท้ายทอยของคนในอ้อมกอด
“งื้อ....จะเล่นอะไร”  เขาจะเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ถูกยูคยอมกอดเอาไว้แน่นอีกตามเคย
“วันนี้ผมเป็นพระราชา ผมสั่งคนอื่นหมดแล้วเหลือแค่พี่คนเดียวละนะครับพี่มาร์ค”
“นายก็สั่งสิว่าจะให้ฉันทำอะไร”
“แหม พูดเหมือนไม่รู้ใจผมนะครับ”
“กะ...ก็นายไม่พูดฉันจะไปรู้หรอ”
“คำสั่งของผมก็คือ พี่จะต้องเป็นราชินีของผม”
“ได้ไง! ฉันเป็นผู้ชายนะ!
“ราชินีไม่ต้องเป็นผู้หญิงก็ได้นี่ครับ”
“ละ...แล้วต้องทำไงล่ะ”
“ปกติราชินีกับพระราชาเค้าทำอะไรกับบ้างล่ะครับ ตอนอยู่กันสองคนน่ะ”
“ไม่รู้ ไม่เคยเป็นราชินีนี่นา”  ยิ่งมาร์คตอบเสียงอู้อี้ในลำคอยิ่งทำให้ยูคยอมได้ใจ
“ไม่รู้จริง ๆ หรอครับ”
“นายก็บอกสักทีสิ ลีลาอยู่ได้”
“ถ้างั้น.....ก่อนอื่นก็เปลี่ยนมาใส่ผ้าคลุมของผมก่อนนะครับ”
“แค่นี่อะนะ ง่ายนิดเดียวเอง”  มาร์คหยิบผ้าคลุมสีแดงผืนใหญ่ที่ยูคยอมหยิบติดมาด้วยก่อนเข้าห้อง เขาทำท่ากำลังจะใส่มันแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมากระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงแหบพร่าว่า
“ผมหมายถึง....ใส่แค่ผ้าคลุมชิ้นเดียว”  ไม่รู้ว่าตอนนี้มาร์คจะหน้าแดงแค่ไหนเพราะยูคยอมมองไม่ถนัด แต่ดูจากใบหูที่ขึ้นสีขนาดนั้นแล้ว ตรงแก้มก็คงจะแดงไปต่างกัน ยูคยอมเห็นมาร์คหยุดการกระทำทุกอย่างไปก็อดไปได้ที่จะฝังจมูกลงไปที่แก้มอีกฝ่าย เขาเอี้ยวตัวไปหอมแก้มมาร์คพลางสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายด้วย ที่เงียบไม่ใช่ว่าไม่พอใจที่โดนสั่งแบบนี้แต่กลั้นยิ้มอยู่ต่างหากเล่า...  “ทำตามพระราชาสิครับราชินีของผม”
“รู้แล้วน่า”  มาร์คส่งผ้าคลุมคืนให้ยูคยอมก่อนที่ตัวเองจะค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชึ้น พระราชาที่ยืนมองอยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ ยูคยอมเองก็ถอดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดออกเช่นกัน

เนื้อตัวขาวเนียนทั้งสองคนยืนแลกสัมผัสที่ริมฝีปากกันอยู่กลางห้อง เสียงจูบดังระงมไปทั่วโดยไม่มีใครนึกอาย ยูคยอมประคองใบหน้าของมาร์คพลางจูบอย่างทะนุถนอมก่อนจะถอนริมฝีปากออก เขาใช้นิ้วเกลี่ยริมฝีปากมาร์คอย่างอ่อนโยนพลางคลี่ยิ้มบางให้ มาร์คหลับตาพริ้มรอให้อีกฝ่ายจูบเขาอีกครั้ง ยูคยอมกดจูบไปที่หน้าผากมนก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าคลุมสีแดงมาสวมให้มาร์ค
“พระราชาจะสั่งแค่นี้จริง ๆ น่ะหรอ”  มาร์คเลื่อนมือมาจับเอวของยูคยอมเอาไว้
“แค่นี้แหละครับ”
“ใส่แค่ผ้าคลุมนี้อะนะ”
“เปล่าครับ เป็นราชินีของผมต่างหากที่เป็นคำสั่งน่ะ”  มาร์คยิ้มให้ก่อนจะกอดอีกฝ่ายแน่น
“งั้นราชินีจะปรนนิบัติพระราชาเองนะ”  มาร์คดันยูคยอมให้นอนลงบนฟูกที่ไม่รู้ใครมาแอบปูไว้ตั้งแต่ตอนไหน จากนั้นเขาก็ลากนิ้วจากปลายเท้าของยูคยอมขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงส่วนกลางลำตัว เขาใช้ฝ่ามือจับแท่งเนื้อของอีกฝ่ายก่อนจะรูดรั้งเป็นจังหวะที่ตนพอใจ ยูคยอมครางเสียงต่ำออกมาอย่างพอใจ เมื่อแท่งเนื้อร้อนตั้งชูชันแล้วมาร์คก็ไม่รอช้าที่จะครอบครองมันไว้ด้วยริมฝีปากของเขาเอง ยูคยอมลุกขึ้นนั่งก่อนจะจับศีรษะของมาร์คเพื่อควบคุมจังหวะตามต้องการ  “อื๊อ...”  ไม่นานนักส่วนปลายของยูคยอมก็ปริ่มน้ำสีขาวขุ่น มาร์คเล็มเลียมันจนหมดก่อนจะถอนริมฝีปากออก
เขาเลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนตักยูคยอมพลางแอ่นสะโพกรับนิ้วมือของอีกฝ่ายที่สอดเข้าไปในช่องทาง ยูคยอมเพิ่มจำนวนนิ้วไปเรื่อย ๆ จนคับแน่นจากนั้นก็ขยับเข้าออกช้า ๆ เพื่อให้มาร์คได้คุ้นชิน มาร์คโอบรอบคอของยูคยอมแน่นพลางซิ๊ดปากไปด้วยความเสียว
“อือ....เข้ามาสิ”
“ครับ ราชินีของผม”  ยูคยอมถอดนิ้วออกแล้วเปลี่ยนเป็นจับเอวของมาร์คแทน มืออีกข้างก็จับส่วนกลางของตนเอาไว้แล้วสอดใส่เข้าไปในช่องทางรักของมาร์คจนสุด
“อ๊า!!”  เขาไม่ได้ขยับในทันที เขายังคงรอให้มาร์คเป็นคนพร้อมก่อน เมื่อมาร์คเริ่มขยับสะโพกแล้วยูคยอมจึงสวนจังหวะขึ้นไปรับให้พอดีกัน ริมฝีปากทั้งคู่ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างต่อเนื่อง ของเหลวใสถูกป้อนแลกกันไปมาอย่างเร้าร้อน ส่วนล่างก็ยังคงขยับไปตามจังหวะที่ทั้งสองคนพอใจ จนใกล้ถึงปลายทาง มาร์คถอนจูบออกมาเพื่อหายใจทางปากพร้อมกับเปล่งเสียงครางเพื่อระบายอารมณ์ มือเรียวจิกลาดไหล่ของยูคยอมจนเกิดรอยเล็บเป็นทางยาว ยูคยอมเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ยูคยอมสวนสะโพกขึ้นไปเต็มแรง แท่งเนื้อส่วนกลางของเขาโดนเข้าที่จุดกระสันของมาร์คจนทำให้อีกฝ่ายร้องครางออกมาเสียงดัง เขาเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นอีกจนถึงปลายทาง น้ำรักสีขาวขุ่นของเขาถูกปล่อยเข้าไปในลำตัวของมาร์ค และของมาร์คก็ถูกปล่อยออกมาเลอะหน้าท้องของเขาที่ตอนนี้ไม่มีส่วนของไขมันอยู่แล้ว
“อา...”
“อา...”  ทั้งสองคนหอบหายใจถี่ ยูคยอมถอดตัวตนของเขาออกมาแล้วพามาร์คไปล้างสิ่งที่ตกค้างในร่างกายออก
“คืนนี้นอนห้องนี้นะครับ”
“อื้ม”  ยูคยอมเอนตัวลงนอนก่อนจะดึงอีกฝ่ายมากอดเอาไว้แล้วใช้ผ้าคลุมสีแดงผืนนั้นมาหลุมตัวมาร์คอีกที
“ฝันดีนะครับราชินีของผม”
“ฝันดีนะพระราชา”


FIN

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

OS คุณครูมาร์ค [Yumark]

#คุณครูมาร์ค
ยูคยอม/มาร์ค

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของนักเรียนมัธยมปลายในประเทศเกาหลีถือเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นลูกชายคนเล็กของตระกูลคิมจึงเป็นคนที่ทั้งครอบครัวตั้งความหวังเอาไว้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ตั้งใจเรียนแถมติดจะเกเรมากก็ตาม
“ยูคยอม เมื่อไหร่จะเลิกออกไปทำตัวไร้สาระนอกบ้านแล้วหันมาตั้งใจเรียนแบบคนอื่นเค้าสักทีล่ะลูก”  หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายคนเล็กระหว่างที่กำลังทานข้าวอยู่
“ผมไม่ได้ทำตัวไร้สาระสักหน่อย แม่รู้มั้ยว่าถ้าผมฝึกไปเรื่อย ๆ ผมยึดทำเป็นอาชีพได้เลยนะ”  ลูกชายหัวดื้อหันไปตอบทั้ง ๆ ที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก
“เล่นสเก็ตบอร์ดน่ะเหรอที่ลูกจะยึดถือเป็นอาชีพน่ะ”
“ครับ”
“แต่แม่ไม่เห็นด้วย กิจการที่บ้านเราก็มี แค่ลูกสอบเข้าคณะที่พ่อต้องการ จบแล้วก็มารับช่วงต่อจากพ่อ แค่นี้เองนะลูก”
“โถ่แม่ ก็ผมไม่ชอบนี่ครับ”
“เฮ้อ... ดื้อจริง ๆ ลูกคนนี้”  ยูคยอมหันมายักคิ้วให้ผู้เป็นแม่แล้วก็ก้มตาก้มตาทานข้าวต่อย่างอารมณ์ดี  “แต่ว่านะ... แม่จ้างครูสอนพิเศษเอาไว้แล้ว”
“แม่ครับ”
“เอาน่า จ้างเค้ามาแล้วก็เรียนซะนะ สอบได้ไม่ได้ก็ค่อยว่ากันอีกทีละกัน”
“แต่ผมไม่ชอบเรียนนะครับ”
“เอาน่าลูก ถือว่าแม่ขอนะ เริ่มเรียนพรุ่งนี้ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเลย อย่ากลับบ้านสายล่ะ เดี๋ยวคุณครูเค้าจะรอ”
“แม่ครับ..”
“ขอล่ะยูคยอม แม่ไม่อย่ากเสียคำพูดกับคนอื่น ลูกเข้าใจใช่มั้ย”
“....”
“หรือว่าลูกไม่รักแม่แล้ว”
“ก็ได้ครับ ผมตกลงว่าจะเรียนพิเศษ”
“ดีมากจ้ะ ทานเยอะ ๆ เลยนะลูก”
“ครับแม่”

เย็นวันแรกของการเรียนพิเศษที่ยูคยอมไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วยกำลังจะมาถึง ระหว่างทางที่เขาเดินกลับจากโรงเรียนเขาก็เจอเข้ากับใครบางคนที่ยืนทำตัวมีพิรุธอยู่หน้าบ้านเขาเอง ชายรูปร่างผอมบางสวมชุดวอร์มออกกำลังกายและใส่แว่นตาหนาเตอะยืนด้อม ๆ มอง ๆ จนน่าสงสัย ยูคยอมจึงรีบเดินเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายทันที
“มาทำอะไรครับ”  เขากดเสียงต่ำถามจนอีกฝ่ายตกใจเพราะเขาเข้าไปประชิดตัวโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“เห้ย!! เอ่อคือ สะ..สวัสดีครับ”  ชายหนุ่มที่สวมแว่นตากล่าวทักทายพร้อมกับโค้งให้ตามมารยาท ยูคยอมมองแล้วก็พยักหน้ารับ
“ฉันถามว่ามาทำอะไร นายดูมีพิรุธนะ”
“เอ่อคือ ผะ..ผมมาสอนพิเศษครับ”
“อ๋อ เข้ามาสิ”  ยูคยอมเปิดประตูเล็กให้อีกฝ่ายเข้าไปก่อนจากนั้นเขาก็เดินตามเข้าแล้วปิดประตูเอาไว้ดังเดิม
“อ้าวมาแล้วเหรอจ้ะ เข้ามาข้างในได้เลยจ้ะ”  คุณนายของบ้านคิมเอ่ยปากต้อนรับคุณครูสอนพิเศษของลูกชายคนเล็กด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ”
“ขึ้นไปสอนกันข้างบนห้องเลยนะจ้ะ เดี๋ยวแม่จะเอาของว่างขึ้นไปให้ทีหลัง”
“ขะขอบคุณครับ”  ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนห้องโดยมียูคยอมเป็นคนเดินนำทาง

ภายในห้องโทนสีน้ำเงินเข้มเต็มไปด้วยข้าวของมากมายที่เด็กวัยรุ่นผู้ชายคนนึงจะมี ทั้งอุปกรณ์กีฬาหลากหลายชนิด เครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุด เสื้อผ้ากองโตที่ถูกถอดแล้วขว้างใส่ตะกร้าจนล้นออกมา และหนังสือการ์ตูนราวสิบตั้งที่วางอยู่บนพื้นเนื่องจากมันล้นออกมาจากตู้หนังสือ
“นั่งตรงนั้นแล้วกัน”  ยูคยอมชี้ที่ว่างแคบ ๆ ที่ใกล้กับเตียงให้อีกฝ่าย
“ครับ”  เขารับคำแล้วเดินไปนั่งด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม
“ชื่ออะไร”
“มาร์คครับ”
“ผมยูคยอมนะ แก่กว่าใช่มั้ย”
“ครับ”
“ก็ไม่ต้องพูดเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้”
“จะดีหรอครับ”
“อือ”
“เริ่มเรียนกันเลยมั้ย”  ปลายเสียงของมาร์คแผ่วลงเพราะเขายังคงไม่ชินกับการพูดแบบไม่มีหางเสียง
“เอาสิ”  ยูคยอมเดินมานั่งที่ขอบเตียงแล้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้มาร์ค
“งั้นเริ่มจากวิชาภาษาอังกฤษก่อนเลยนะ คุณน้าบอกว่าคุณไม่ถนัดวิชานี้”
“อ่าฮะ”  มาร์คเริ่มต้นสอนบทเรียนภาษาอังกฤษให้ยูคยอมอย่างตั้งใจแต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นหูทวนลมชอบชวนเขาคุยนอกเรื่องตลอด
“คุณยูคยอม ขอร้องล่ะ ตั้งใจฟังที่ผมพูดหน่อยเถอะ”  มาร์คพูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ นี่เพิ่งจะวันแรกเองนะ เขายังต้องสอนไปอีกหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ขืนเป็นแบบนี้มีหวังเรียนไม่รู้เรื่องกันพอดี
“ทนได้ก็สอนต่อ ทนไม่ได้ก็หยุดสอนซะสิ”  ยูคยอมตอบพลางนอนกลิ้งไปมาบนเตียง
“เฮ้อ..”
“คิก ๆ”
“ถ้าอย่างนั้น...ผมก็จำเป็นต้องทำแบบนี้”  มาร์คถอดแว่นออกมาวางไว้บนพื้นและรูดซิปเสื้อวอร์มจากนั้นก็ถอดมันออกเหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำแนบเนื้อ เขาปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วคร่อมร่างของยูคยอมเอาไว้
“เห้ย! จะทำอะไรน่ะ”
“เด็กดื้อ ต้องถูกครูลงโทษ”  มาร์คกดจมูกของเขาลงไปที่ซอกคอขาวเนียนของอีกฝ่าย ยูคยอมทั้งตกใจทั้งอึ้งแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร มาร์คจึงค่อย ๆ สอดมือลงไปใต้กางเกงแล้วนวดคลึงของกลางของยูคยอมจนอีกฝ่ายร้องครางออกมาเบา ๆ  “รู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ”  ยูคยอมพยักหน้าตอบ  “ถ้าตั้งใจเรียนผมจะให้คุณรู้สึกดียิ่งกว่านี้อีก”  มาร์คประทับริมฝีปากของเขาลงไปที่ริมฝีปากของยูคยอม มือหนาของอีกฝ่ายลูบไล้ไปตามสะโพกของมาร์คก่อนจะออกแรงกดให้มาร์คต้องลงมานอนทับกับร่างกายของเขาเอง
“มีเงื่อนไขแบบนี้ค่อยน่าเรียนหน่อย แต่ว่าถอดแว่นแล้วดูดีกว่านะครับคุณครูมาร์ค”  เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม
“ถอดเฉพาะตอนให้รางวัลกับนักเรียนดีเด่นเท่านั้นแหละน่า”  มาร์คยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม หยิบแว่นตาและเสื้อวอร์มกลับมาใส่ดังเดิมและเริ่มสอนต่อแบบเดิม ยูคยอมขำออกมาเล็กน้อยแล้วก็ลงไปนั่งข้าง ๆ มาร์ค แล้วทั้งสองก็เรียนกันอีกครั้งอย่างจริงจังจนเวลาผ่านไปได้เกือบสามชั่วโมง

ก๊อก ๆ

ผู้เป็นแม่ค่อย ๆ เปิดประตูเข้ามาภายในห้องพร้อมกับถาดของว่างและน้ำหวาน เธอยกถาดมาวางไว้ที่โต๊ะรก ๆ ของยูคยอมก่อนจะยืนมองเจ้าลูกตัวแสบที่บัดนี้กลายเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนกับครูพิเศษไปแล้ว
“แม่วางของว่างไตรงนี้นะจ้ะ พักมาทานกันก่อนนะจะได้มีแรงเรียนกันต่อ แต่ถ้าหิวข้าวก็ลงไปทานกันเลยนะจ้ะ แม่เตรียมเอาไว้ให้เราทั้งสองคนแล้ว”
“ครับแม่”
“ขอบคุณครับคุณน้า”
“ไม่เป็นจ้ะ อย่าหักโหมกันนะเจ้าตัวแสบ”
“ค้าบบบบบ”  เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ตั้งใจเรียนกันเธอจึงออกมาจากห้องเงียบ ๆ พร้อมรอยยิ้ม

มาร์คทำหน้าที่ของตัวเองต่อเรื่อย ๆ จนใกล้ถึงเวลากลับบ้านแล้วเขาจึงหยุดการสอนและทยอยเก็บของลงกระเป๋า ยูคยอมถือวิสาสะดึงแว่นของมาร์คออกแล้วชูมันขึ้นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายแย่งคืนไปได้
“เอาคือมานะยูคยอม”  เขาบอกเสียงแข็ง
“โห ๆ ถอดแว่นแล้วคนละคนเลยแฮะ ผมเรียกพี่มาร์คได้มั้ย เรียกครูมันแปลก ๆ”
“ก็ได้ แต่ขอแว่นคืนหน่อย”  มาร์คพยายามแย่งแว่นตาคืนมาจากอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เป็นผล
“ไม่ใช่แว่นสายตานี่นา ใส่ทำไมกัน แล้วก็ชุดวอร์มด้วย พี่เป็นนักกีฬาหรือยังไง”
“เอาคืนมานะยูคยอม”
“ดูสิ คนละคนจริง ๆ ด้วย ผมชอบพี่แบบไม่ใส่แว่นมากกว่านะ ดูไม่เฉิ่มดี”
“คิมยูคยอม!!
“หูวววว ดุด้วยแฮะ ฮ่า ๆ”  มาร์คใช้โอกาสที่ยูคยอมหัวเราะตนเองอยู่แย่งแว่นตาในมือของอีกฝ่ายมาแล้วสวมมันไว้ที่เดิมบนใบหน้า
“ขอตัวก่อนนะถึงเวลากลับบ้านแล้ว”  มาร์คที่กำลังจะลุกขึ้นก็ถูกยูคยอมดึงแขนเข้าไปประชิดตัวทันที
“เดี๋ยวสิครับ ผมตั้งใจเรียนเมื่อกี้แล้ว ขอรางวัลหน่อยสิ”  มาร์คหลับตานิ่งก่อนจะถอดแว่นออกอีกครั้ง
“เอาไปแค่นี้พอ”  มาร์คจูบปากของยูคยอมเบา ๆ ก่อนจะถอนออก  “ขอดูพฤติกรรมก่อนละกัน วันนี้พอแค่นี้ก่อน ฉันจะต้องกลับแล้ว”  มาร์คสวมแว่นตาพลางลุกขึ้น
“งั้นกินข้าวด้วยกันก่อนสิ”
“ไม่ดีกว่า”  เขาปรับน้ำเสียงให้ดูนุ่มนวลลงต่างจากเม่อครู่ที่ดูแข็งกระด้าง  “พรุ่งนี้ต้องเข้ามหาวิทยาลัยแต่เช้าเดี๋ยวจะกลับดึกแล้วนอนไม่พอ ไปล่ะ พรุ่งนี้เย็นเจอกันใหม่นะ”  มาร์คว่าก่อนจะเดินออกจากห้องทิ้งให้ยูคยอมนั่งยิ้มอยู่คนเดียว
“บ้าไปแล้วมั้ง”  เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ  “หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”  ยูคยอมยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินลงไปทานข้าวเย็นตามปกติ

วันที่สองของการเรียนพิเศษกับครูแปลก ๆ ที่มีสองบุคลิกในคนเดียวเพียงแค่ถอดแว่นคนที่ดูเรียบร้อยก็กลายเป็นคนที่ดูร้อนแรงแล้ว ยูคยอมปฏิเสธคำชวนของเพื่อนทุกคนที่บอกว่าวันนี้มีแข่งสเก็ตบอร์ดใต้ดิน เขาเดินมาถึงหน้าบ้านก็เจอเข้ากับมาร์คที่เพิ่งเดินมาถึงพอดี
“ไงครับคุณครูมาร์ค ใส่แว่นกับชุดวอร์มมาอีกแล้วนะครับ”  เขาเอ่ยถามก่อนจะเดินไปประชิดตัวอีกฝ่าย
“ฉันมีเหตุผลก็แล้วกัน”
“อย่างนั้นเหรอ โอเค๊ เข้าไปข้างในกันดีกว่า ผมอยากเรียนจะแย่”  ยูคยอมเดินนำมาร์คเข้าไปในบ้าน เมื่อทั้งสองคนมาถึงก็ถูกต้อนรับด้วยคุณนายคิมเช่นเดิม
“มากันแล้วเหรอจ้ะ วันนี้ฝากยูคยอมด้วยนะมาร์ค”
“ครับคุณน้า”  ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนห้องแต่แทนที่จะเริ่มต้นด้วยการเปิดหนังสืออ่านกลับกลายเป็นร่างสองร่างยืนจูบกันอยู่ที่ประตูห้อง ลิ้นชื้น ๆ ของทั้งคู่เกี่ยวหยอก้อกันภายในโพรงปากอย่างสนุกสนานและไม่รู้จักจบสิ้น มาร์คที่เริ่มหายใจไม่ทันก็ผลักอกของยูคยอมออก
“อีดนิดสิ”  ยูคยอมโน้มใบหน้าเข้าหาแต่ก็โดนอีกฝ่ายห้ามไว้
“แฮ่ก ๆ ไม่ได้ เราต้องทำข้อตกลงกันแล้วล่ะยูคยอม”
“ว่ามา”
“ถ้าตั้งใจเรียนฉันให้จูบแบบที่นายต้องการ”
“โหยไรว้า”
“ฟังก่อน ทุก ๆ วันศุกร์จะมีการทำข้อสอบที่ฉันเตรียมเอาไว้ ถ้าทำได้คะแนนเกินครึ่งฉันจะทำให้นายผ่อนคลาย”  มาร์คว่าพลางลากนิ้วลงไปที่ส่วนกลางของยูคยอม
“ค่อยน่าสนหน่อย”
“แต่ก่อนเรียนทุกเย็นจะให้จูบแบบไม่ใช้ลิ้น เอาไว้เป็นกำลังใจในการเรียน”
“งั้นฟังข้อตกลงของผมบ้างนะครับครู”
“อะไร”
“ถ้าผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยตอนสิ้นเดือนนี้ได้ ผมขได้มั้ย”
“หมายถึงอะไรล่ะ”
“ก็บนเตียงไงครับ”
“มากไปแล้วนะนายน่ะ”
“งั้นมันก็ไม่มีแรงบรรดาลใจในการสอบเข้านี่ครับ”
“ก็ได้ งั้นก็ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ”
“ครูมาร์คเวอร์ชั่นไม่สวมแว่นตานี่มันดีจริง ๆ ถอดตลอดเวลยได้มั้ย ถอดทั้งแว่นตา ทั้ง...เสื้อผ้าด้วย”  ยูคยอมก้มลงไปกระซิบข้างหูของมาร์คก่อนนะเป่าลมให้อีกฝ่ายขนลุก
“ลามปาม เริ่มเรียนได้แล้ว”
“จูบอีกทีจะนั่งเรียนเป็นเด็กดีเลย”
“ไม่ได้ ข้อตกลงคือข้อตกลง”
“ก็ได้”  ยูคยอมเดินไปนั่งที่เดิมก่อนจะตั้งใจฟังมาร์คที่สวมแว่นตาแล้วสอนอย่างจริงจัง

เมื่อการสอนจบลงสิ่งที่ยูคยอมได้รับตอบแทนการตั้งใจเรียนก็คือจูบที่มาร์คมอบให้ ลิ้นชื้นที่เกี่ยวตวัดกันภายในโพรงปากบ่งบอกได้ดีว่ามันเร่าร้อนมากแค่ไหน มือเรียวกำเสื้อของคนเด็กกว่าแน่น มืออีกข้างก็จับกรอบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้ ยูคยอมนวดคลึงส่วนนุ่มหยุ่นของมาร์คอย่างสนุกมือจนใบหน้าอีกฝ่ายเริ่มขึ้นสี ทุกการกระทำถูกหยุดด้วยสียงเคาะประตู มาร์คและยูคยอมผละออกจากกันอย่างเสียดาย
“เด็ก ๆ จ้ะลงมาทานข้าวได้แล้วจ้ะ”
“ครับแม่”  ยูคยอมตะโกนตอบแต่สายตายังคงจ้องอยู่ที่คนตรงหน้า  “วันนี้จะรีบกลับอีกหรือเปล่า”
“อยากให้อยู่ก็จะอยู่ อยากให้กลับก็จะกลับ”
“แหนะ ดูพูดเข้า”  มาร์คจ้องอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ประกบริมฝีปากเข้าหาอีกครั้ง เขาดันของเหลวสีใสของตัวเองเข้าไปภายในปากของอีกฝ่ายกลืนลงไป  “อืม...”  จากนั้นก็ผละออกมา
“อ่านทบทวนที่สอนไปด้วยนะ เวลาทำข้อสอบตอนวันศุกร์จะได้ผ่าน”
“อยากทำล่ะสิ”
“พูดมาก”
“ฮ่า ๆ แต่ผมทำให้ครูตอนนี้ได้นะครับ มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลง”
“ไม่ได้ ถ้าทำมันจะลามไปอย่างอื่น”
“ฮ่า ๆ ชอบตอนถอดแว่นจริง ๆ แฮะ”
“อย่าไปพูดว่าชอบใครง่าย ๆ แบบนี้นะ คนฟังเค้าจริงจัง”
“โหหหหห ก็ที่พูดออกมาใครเค้าพูดเล่นกันล่ะครับครูมาร์ค”
“ไปกินข้าวละดีกว่า”  มาร์คหยิบแว่นขึ้นมาสวมก่อนจะกระแอมแล้วปรับน้ำเสียงให้นิ่งตามปกติ ยูคยอมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่มาร์คทำว่าทำไมจะต้องสวมแว่นเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงด้วย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ซักไซ้อะไรเพราะเขาเองก็ชอบแบบนี้เหมือนกัน คนอะไรน่าค้นหาชะมัด...

วันที่สามและวันที่สี่ของการสอนพิเศษก็ดำเนินไปตามปกติและจบด้วยการจูบที่ทั้งสองคนชอบทำมากกว่าการอยู่กับหนังสือกองโตตรงหน้าอีก มาร์คเริ่มต้องการเด็กตรงหน้ามากยิ่งขึ้นจนรอให้ถึงวันศุกร์แทบไม่ไหว ส่วนยูคยอมเองก็ทนรอวันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยแทบไม่ไหวเหมือนกัน

ศุกร์แรกของการสอนพิเศษเร่มต้นด้วยมาร์คนำข้อสอบที่เขาคิดเอาไว้มาให้ยูคยอมทำ เขาให้เวลาอีกฝ่ายทำทั้งหมอสองชั่วโมง ภายในห้องที่เงียบสนิทมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ดังที่สุดในขณะนี้ มาร์คถอดแว่นตาออกตั้งแต่มาถึงที่ห้อง เขานั่งมองนักเรียนของตัวเองทำข้อสอบด้วยท่าทีจริงจังก็อดยิ้มไม่ได้
“จ้องมาก ๆ ผมไม่มัสมาธินะครับครู”  ยูคยอมพุดทั้ง ๆ ที่ยังคงก้มหน้าทำข้อสอบอย่างจริงจัง
“เวลาที่คนเราตั้งใจทำอะไรสักอย่างมันดีมากเลยรู้มั้ย”  มาร์คพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เหรอครับ”
“ใกล้หมดเวลาแล้วนะ เสร็จหรือยัง”
“ครับ เสร็จพอดี”  ยูคยอมวางปากกาแล้วค่อย ๆ เวยหน้าขึ้นมาสบตากับมาร์ค  “ผมหล่อมั้ยตอนตั้งใจทำอะไรสักอย่างน่ะ”
“อืม”  มาร์คตอบก่อนจะหยิบกระดาษข้อสอบมาตรวจ เขาใช้เวลาไม่นานนักก็ตรวจเสร็จ  “เก่งแฮะ เกือบเต็มแหนะ”
“หึหึ แน่อยู่แล้ว”  ยูคยอมยิ้มมุมปากพลางยักคิ้วให้อีกฝ่าย  “ขอรางวัลด้วยนะครับ”

มาร์คยิ้มให้ยูคยอมก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเตียง เขาร่นกางเกงของยูคยอมลงมาถึงเข่าจากนั้นก็ถอดชั้นในสีเข้มลงมาเช่นกัน มือเรียวจับไปที่ส่วนกลางของยูคยอมก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่ายจากนั้นก็ก้มลงมามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขารูดรั้งแท่งเนื้ออยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ใช้ปากครอบครองมันเอาไว้ทั้งหมด ทุกอย่างอยู่ในสายตาของยูคยอมและเขาก็ค่อนข้างพอใจมากด้วย

มือหนาจับศีรษะของมาร์คเพื่อควบคุมจังหวะเข้าออกตามที่ต้องการ มาร์คเองก็ทำตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย เขาใช้มือข้างหนึ่งจับแท่งเนื้อเอาไว้และขยับปากเข้าออกตามจังหวะของยูคยอม เขาปรนเปรอจนอีกฝ่ายใกล้ถึงจุดหมาย เขาเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ โดยใช้มือช่วยจนในที่สุดยูคยอมก็ปลดปล่อยมันออกมา น้ำสีขาวขุ่นถูกปล่อยออกมามากจนมาร์คคาดไม่ถึงทำให้เขาต้องกลืนลงคออย่างเลี่ยงไม่ได้ ยูคยอมครางต่ำในลำคอพลางหอบเล็กน้อย เมื่อมาร์คเงยหน้าขึ้นมามองเขาก็ยิ้มให้
“ขอโทษครับ มันออกมาเยอะไปหน่อย”
“รสชาติก็ไม่ได้แย่มาก”  มาร์คตอบพลางยักไหล่แล้วปีนขึ้นมานั่งบนตักของยูคยอม
“นั่งแบบนี้มันล่อแหลมมากนะครับ”
“หึ... งั้นเหรอ ตั้งใจเรียนสิ สอบเข้ามหาลัยได้เมื่อไหร่มันจะไม่ใช่แค่ท่านั่งหรอก”
“แล้วจะสอบติดให้ดู”
“รอเลยล่ะ”  มาร์คยิ้มก่อนจะกดจูบลงไปที่ซอกคอของยูคยอม เขาเผลอสร้างรอยเอาไว้ให้คนเด็กกว่าอย่างไม่รู้ตัว
“แสดงความเป็นเจ้าของเลยเหรอครับ”  ยูคยอมถามออกมาอย่างขำ ๆ
“โทษที...”  มาร์คผละริฝีปากออกมา
“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”  ยูคยอมที่เห็นมาร์คชะงักไปก็รีบพูดดักขึ้น  “พี่เป็นอะไร”
“รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงต้องสวมแว่น”
“ไม่ครับ”
“ฉันมีสองบุคลิก”
“หมายถึงไบโพล่าน่ะหรอครับ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ฉันแค่ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เวลาอยู่กับอะไรที่ชอบมาก ๆ สวมแว่นแล้วจะมีสติมากขึ้น”
“อ่า.... กำลังจะบอกว่าชอบผมเหรอ”
“คิดเอาเอง”  มาร์คลุกขึ้นจากตักของยูคยอมจากนั้นก็สวมกางเกงให้อีกฝ่าย  “กลับแล้วนะ”
“เดี๋ยวสิ กินข้าวกันก่อน”
“ไม่ดีกว่า”
“ทำไม”
“อิ่มแล้ว”  มาร์คตอบพลางขยิบตาให้อีกฝ่าย  “ไปนะ”  เขาหอมแก้มยูคยอมทั้งสองข้างก่อนจะสวมแว่นแล้วเดินออกจากห้องไป

FIN.


#คุณครูมาร์ค